เสิร์ชข้อมูลในอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆ
เจอข้อมูลเกี่ยวกับสูตรในการลดความอ้วนต่างๆ
ก็คิดว่าส่วนใหญ่เคยใช้มาหมดแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ผล เพราะยังไม่เคยจริงจัง
แม้กระทั่งน้ำหนักแม้ว่าจะลดไปแล้ว ก็ไม่ได้รักษารูปร่างเอาไว้
ก็เลยกลายเป็น อ้วนๆผอมๆ อยู่แบบนี้
ฉะนั้นหลักสำคัญในการลดความอ้วนคือการเอาชนะใจตนเองให้ได้
และอย่าตามใจปากเด็ดขาด
------------------------------------------------------
เผยแผนไดเอ็ตยอดนิยม แบบไหนผอมได้จริงไม่เสียสุขภาพ? (Lisa)
สูตรไดเอ็ตมีอยู่มากมาย แต่จะใช้สูตรไหนที่เหมาะ สูตรไหนที่ลดได้ สูตรไหนที่ดีต่อสุขภาพ แต่ไม่เหมาะหากจะลดความอ้วน และสูตรไหนที่ขอบายดีกว่า มาดูกัน

Healthy or Slimming : Slimming

สูตรบอกลาไขมันที่คิดค้นโดยนักโภชนาการ แอนน์ หลุยส์ กิทเทิลแมน ที่เป็นการผสมผสานการควบคุมน้ำหนัก และการล้างพิษ เข้ากับการจำกัดคาร์โบไฮเดรตและปริมาณแคลอรี ซึ่งมุ่งเน้นการทำงานที่มีประสิทธิภาพของตับ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารถูกประเภทที่จะมีผลให้ระบบเผาผลาญนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น




การออกกำลังก็เป็นส่วนสำคัญ สำหรับในช่วงที่ 1 และ 2 แนะนำให้เดิน 20-30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ กระโดดเชือก หรือกระโดดบนแทรมโพลีนวันละ 100 ครั้ง และเมื่อมาถึงระยะสุดท้ายให้เริ่มฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อด้วยการยกเวท

สิ่งที่แผนไดเอ็ตนี้มุ่งเน้นคือการล้างพิษ ทำความสะอาดตับ กล่าวโดยทฤษฎีก็คือ มันจะช่วยกำจัดไขมันให้ละลายออกไปจากเอว สะโพก และช่วงต้นขา อีกทั้งช่วยเพิ่มพลังงานและระบบการเผาผลาญ ทำให้ภาวะอารมณ์คงที่และนอนหลับดีขึ้น หลังจากที่เริ่มขั้นแรกไปได้สองสัปดาห์ก็จะช่วยให้ร่างกายเริ่มปรับตัวรับกับการไดเอ็ตเพื่อสุขภาพไปได้ตลอด

แผนไดเอ็ตนี้เน้นอาหารสุขภาพ ด้วยคุณค่าจากผักและผลไม้ที่อุดมด้วยไฟเบอร์และน้ำมันเพื่อสุขภาพ ร่วมกับการออกกำลังกายเป็นประจำ ที่จะช่วยสร้างนิสัยให้คุณหมั่นออกกำลังเสมอ และเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ไปในทางที่ดีเพื่อสุขภาพด้วย เรียกว่าได้ผลในระยะยาว การจำกัดอาหารที่เคร่งครัดอาจทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นสักหน่อย เมื่อคุณต้องเลือกแต่อาหารเพื่อสุขภาพที่มักจะมีราคาแพงขึ้น อีกทั้งคนที่ยังไม่เคยชินกับไลฟ์ไตล์แบบนี้อาจจะทำตามแนวทางนี้ได้ยากสักหน่อย


Healthy or Slimming : Healthy and Slimming

การกินตามปริมาตร เป็นแบบการกินอาหารซึ่งมีเป้าหมายให้คุณเลิกไดเอ็ต แล้วหันมากินอาหารเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน คิดค้นโดย ดร.บาร์บาร่า โรลส์ เชื่อว่า เราสามารถเลือกอาหารที่มีปริมาณมาก แต่มีแคลอรีต่ำ เพื่อใช้ในการลดน้ำหนัก อย่างเช่น ผักและผลไม้ซึ่งมีปริมาณน้ำอยู่มาก แต่มีแคลอรีต่ำ ซึ่ง ดร.โรลส์ ชี้ว่าเราสามารถกินเป็นปริมาณมาก ๆ ได้ จึงไม่หิวโหยในภายหลัง ไม่รู้สึกอ่อนเพลีย และไม่มีอาการซึมเศร้า ซึ่งมักจะเกิดในการไดเอ็ตชนิดอื่น
แผนการไดเอ็ตแคลอรีต่ำ-ปริมาณมากเช่นนี้ จะกินอาหารที่มีปริมาณน้ำกับใยอาหารอยู่มาก เนื่องจากทั้งสองอย่างจะช่วยทำให้อิ่มได้ ไม่มีอาหารอะไรที่หวงห้าม และอาหารที่มีแคลอรีสูงนั้น คุณก็ยังสามารถกินได้อยู่ ตราบใดที่จำกัดแคลอรีโดยรวม

การกินตามปริมาตรจะช่วยลดแคลอรีโดยรวมและส่งเสริมให้น้ำหนักลด ซึ่งอาจจะลดได้ตั้งแต่ 0.5-1 กิโลกรัม/สัปดาห์ และอ้างว่า ตราบใดที่คุณยังกินเช่นนี้อยู่ น้ำหนักตัวจะลดลงอย่างคงที่

การกินตามปริมาตรนั้นมีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากมันจะช่วยให้คุณกินผัก ผลไม้ และธัญพืชอย่างสมดุล จึงทำให้คนที่ต้องการไดเอ็ตไม่รู้สึกหิวในขณะที่กินอาหารที่มีสารอาหารสูง
อย่างไรก็ดี ในสูตรนี้จำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องออกกำลัง โดย ดร.โรลส์ ชี้ว่าคุณควรจะออกกำลังอย่างน้อยวันละ 30-60 นาที และยังแนะนำให้บันทึกด้วยว่าคุณกินอะไรเข้าไปบ้าง พร้อมกับบันทึกการออกกำลัง
ข้อเสียก็คือ คุณอาจจะต้องมีเวลาเตรียมอาหารมากสักหน่อย เพราะต้องคำนวณแคลอรี แต่ถ้าทำได้ คุณจะลดน้ำหนักได้อย่างถาวร


Healthy or Slimming : Slimming

หลายคนคงคุ้นเคยกันมาพอสมควรว่า เป็นการไดเอ็ตที่เน้นบริโภคโปรตีน โดยเลี่ยงแป้งและน้ำตาล เป็นการจำกัดแผนการกินในระยะยาว เปลี่ยนพฤติกรรมการกินและพยายามเพิ่มกิจกรรมให้แก่ร่างกายมากขึ้น พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นไดเอ็ตแบบโปรตีนสูง ไขมันสูง และเลี่ยงแป้งนั่นเอง






เน้นการลดน้ำหนักโดยจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายจะได้รับ ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายคุณเผาผลาญเจ้าไขมันได้ดียิ่งขึ้น คือ สามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ในปริมาณสูงขึ้น โดยนักวิจัยค้นพบว่า เชื่อมโยงกับการลดลงของไกลเซมิก หรือปริมาณแป้งที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ดี จึงมุ่งเน้นให้เป็นการไดเอ็ตเพื่อควบคุมน้ำหนักในระยะยาว

การเน้นโปรตีนล้วน ผัก และผลไม้ โดยลดแป้งนั้นจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และมีการเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้จำกัดปริมาณอาหาร และแคลอรีที่ได้รับ แค่จำกัดปริมาณแป้งเท่านั้น ซึ่งการลดน้ำหนักแบบคาร์โบไฮเดรตต่ำนั้น ได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผลดีและมีประสิทธิภาพแค่ในช่วงระยะเวลาที่จำกัด และอาจยากสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลในระยะยาว เมื่อต้องจำกัดอาหารมาก ๆ เข้า ก็อาจจะเริ่มเบื่อหน่ายได้ และนักวิจัยบางกลุ่มให้ความเห็นว่า ยังไม่สามารถตอบสนองคนที่ต้องการลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดีได้อย่างตรงจุดนัก และอาจมีผลข้างเคียงที่ส่งผลให้เกิดโรคนอนไม่หลับ วิงเวียน รวมทั้งท้องผูกอันเนื่องมาจากร่างกายได้รับโปรตีนมากขึ้น แต่ได้รับไฟเบอร์น้อยลง


Healthy or Slimming : Slimming

เป็นสูตรไดเอ็ตที่เน้นจัดการกับไขมันหน้าท้อง โดย จอร์เก้ ครูซ ที่เคยน้ำหนักเกินมาตรฐานถึง 40 ปอนด์ ด้วยการกินอาหารมื้อย่อย ๆ ทุก 3 ชั่วโมงนั่นเอง จากความเชื่อของเขาที่ว่า ถ้าคนเราไม่หาอาหารใส่ท้องทุก ๆ 3 ชั่วโมง จะทำให้เกิดภาวะความหิวเข้าครอบงำซึ่งจะทำให้เมตาบอลิซึ่มที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันนั้นทำงานช้าลง และการกินแบบนี้ จะช่วยกระตุ้นให้เครื่องจักรอย่างเมตาบอลิซึ่มตื่นตัวอยู่เสมอ

เป็นสูตรที่ค่อนข้างเคร่งครัด โดยต้องกินอาหารตามเวลาดังนี้
• ตอนเช้าในเวลา 07.00 น.
• กินของว่างเล็กน้อยตอน 10.00 น.
• อาหารกลางวันเริ่มตอนบ่ายโมง
• กินของว่างครั้งที่สองในเวลา 16.00 น.
• อาหารเย็นตอนหนึ่งทุ่ม
และหลังอาหารมื้อค่ำนี้ยังสามารถอร่อยต่อได้อีกประมาณ 50 แคลอรี เพื่อทำตามวิธีที่ถูกต้องของแผนนี้ ผู้ไดเอ็ตต้องแน่ใจว่า คุณหยุดอาหารทุกอย่างในช่วง 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน

คุณจะกำจัดไขมันกวนใจที่มารวมอยู่ที่หน้าท้องได้ โดยไม่จำเป็นต้องบอกลาเมนูที่คุณโปรดปรานและออกกำลังกายอย่างเคร่งครัดตามโปรแกรมเลยด้วย แต่คุณก็ยังสามารถออกกำลังไปด้วยได้เช่นกัน และหลังจากไดเอ็ตได้ 2 สัปดาห์ ฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่ก่อให้เกิดความเครียด ซึ่งครูซเชื่อว่ามีผลให้น้ำหนักขึ้นนั้น จะลดลงไปด้วยพร้อมกับช่วงเอวที่เริ่มเป็นสัดเป็นส่วน

เป็นแผนที่ทำได้ง่าย ๆ และไม่จำกัดประเภทของอาหาร ซึ่งอาหารที่มีแววว่าจะทำให้อ้วนนั้นก็ยังกินได้อยู่ แต่ต้องกินในปริมาณที่ลดลง อย่างช็อกโกแลตแท่ง ไก่ทอด หรือเบคอน ที่ใคร ๆ ก็ไม่ปฏิเสธว่าชอบนั้น ก็ยังกินได้อยู่ เพราะครูซให้ความเห็นว่า ที่จริงแล้วไม่มีอาหารอะไรที่แย่ ปริมาณที่คุณกินต่างหากล่ะ ทำให้มันแย่ และการที่ต้องกินทุก 3 ชั่วโมงนั้น ก็ค่อนข้างเสี่ยงที่จะทำให้คุณล้ำเส้น ก็คือแอบกินบ่อยกว่านั้นที่ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของวิธีนี้ และยังไม่เน้นถึงการออกกำลังเท่าไหร่นัก ซึ่งคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายก็อาจจะไม่เห็นผลจากการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้เท่าที่ควรก็ได้


Healthy or Slimming : Healthy

การกินตามกรุ๊ปเลือดถูกพัฒนาโดย Naturopathic Physician นามว่า ปีเตอร์ ดีอาดาโม่ การไดเอ็ตนี้มีชื่อว่า "Eat Right for Your Type" หรือก็คือจะแนะนำให้คนเรากินอาหารโดยอิงจากกรุ๊ปเลือด A, B, AB หรือ O โดยอ้างว่า กรุ๊ปเลือดแต่ละชนิดนั้นจะย่อยโปรตีนจากอาหาร (เรียกว่าเลคติน) ได้ต่างกัน นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า การกินอาหารที่มีเลคตินผิดประเภทสำหรับร่างกายคุณนั้น จะส่งผลกระทบในทางลบต่อร่างกาย เช่น บวมน้ำ เมตาบอลิซึ่มถดถอย และแม้แต่มะเร็งบางชนิด ในทางตรงกันข้ามก็เชื่อว่าการกินอาหารที่ถูกประเภทสำหรับคุณจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น






การกินตามกรุ๊ปเลือดนั้นจะทำให้คุณลดน้ำหนักตัว กระปรี้กระเปร่า และสุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ดี การไดเอ็ตแบบนี้เน้นที่ผลของสุขภาพและการป้องกันโรคมากกว่าเรื่องการลดน้ำหนัก

แผนการไดเอ็ตดังกล่าวอ้างอิงจากความเชื่อที่ว่า เราทุกคนแตกต่างกัน ในเรื่องของอาหาร ไม่มีการควบคุมแคลอรีในไดเอ็ตเช่นนี้ หมายความว่าจะไม่มีความหิวโหยที่เกิดจากการไดเอ็ต แต่อาจจะไม่เห็นผลในเรื่องของการลดน้ำหนักอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี เนื่องจากมีการสนับสนุนให้ออกกำลังกายร่วมด้วย หลายคนจึงเห็นผลจริง แต่สำหรับในครอบครัวใหญ่อาจจะเตรียมอาหารได้ลำบาก หากสมาชิกมีกรุ๊ปเลือดไม่เหมือนกัน


Healthy or Slimming : Healthy

ไดเอ็ตมนุษย์ถ้ำ ฟังดูน่าสนใจใช่มั้ยล่ะ? แต่ก็ไม่ต้องตกใจนะ เราไม่ได้จะให้คุณอดอาหารแล้วออกไปล่าเนื้อสัตว์ป่าที่ไหนหรอก นี่เป็นการไดเอ็ตที่มีการอดอาหารร่วมด้วย วิธีนี้ไม่ซีเรียสนักกับการจำกัดแคลอรีของอาหาร แต่เน้นไปที่ช่วงเวลาที่จะกิน และชนิดของอาหาร ซึ่งเป็นอาหารที่เน้นความสดยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป และมีคุณค่าทางโภชนาการ กล่าวคือเน้นอาหารสุขภาพ เลี่ยงน้ำตาล เกลือ และอาหารจากนม





ไม่ใช่เพื่อลดสัดส่วนและกำจัดไขมัน แต่เป็นการให้คุณเข้าถึงสัญชาตญาณโดยธรรมชาติในระยะยาว (แบบมนุษย์ถ้ำในยุคหินยังไงล่ะ) ทั้งยังช่วยขับพิษ และทำให้จิตใจเข้าถึงความต้องการอาหารเช่นเดียวกับสัตว์ป่าเวลาที่หิว

ส่วนดีที่ชัดเจนคือ มันช่วยลดการบริโภคน้ำตาล โซเดียม อาหารสำเร็จรูป และอาหารขยะทั้งหลาย ให้คุณได้เน้นกินอาหารสุขภาพอย่างเต็มที่ อย่างผักสด เนื้อไม่ติดมัน และที่สำคัญก็คือน้ำนั่นเอง ซึ่งสัดส่วนทางโภชนาการในแผนนี้ก็มีพื้นฐานมาจากพีระมิดอาหาร
อย่างไรก็ดี การที่ต้องอยู่ห่างแป้งและโปรตีนจากอาหารจำพวกนม อาจทำให้คุณขาดแร่ธาตุที่จำเป็นบางอย่างไปได้เหมือนกัน อีกอย่างการกินแค่วันละมื้อนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยากอยู่สักหน่อย เมื่อคนอื่นกินอาหารกลางวัน แต่คุณไม่สามารถกินได้ ซึ่งข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ขึ้นอยู่กับว่า คุณสามารถที่จะทำตามสูตรในแต่ละขั้นนั้นได้ตามกำหนดหรือไม่


Healthy or Slimming : Healthy

ไดเอ็ตชนิดนี้จะเน้นที่ดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ซึ่งเป็นการจัดลำดับอาหารโดยอิงจากความเร็วที่อาหารนั้นจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหลังจากที่กินเข้าไป เดิมทีนั้นใช้สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน และต้องการควบคุมระดับน้ำตาล แต่ในปัจจุบันใช้วิธีการลดน้ำหนักด้วย ดัชนีน้ำตาลนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในการลดน้ำหนักในกระแสหลัก
อาหารที่มีดัชนีน้ำตาล (GI) สูง จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลิน ซึ่งเชื่อว่าจะไปกระตุ้นการเก็บไขมันและนำไปสู่น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นในที่สุด ดังนั้น แผนการกินแบบนี้ซึ่งหลีกเลี่ยงอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงนั้น จะทำให้ความอยากอาหารของคุณลดลง และลดน้ำหนักได้ในที่สุด
ค่าดัชนีน้ำตาลเริ่มจาก 0-100 โดยใช้กลูโคส (ซึ่งมีเป็นดัชนีน้ำตาลอยู่ที่ 100) เป็นตัวอ้างอิง หลักก็คือ คุณควรกินอาหารที่ดัชนีน้ำตาลต่ำ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงกว่า 70 นั่นเอง




การกินอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ หมายความว่าคุณจะไม่หิวในระหว่างที่ไดเอ็ต นอกจากนี้ แผนการกินเช่นนี้ในระยะยาวจะช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคเส้นเลือดในสมองแตกและเบาหวาน และยังช่วยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลของคุณดีขึ้น จึงลดโอกาสเกิดโรคหัวใจภายในตัว โดยคุณจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และน้ำหนักจะลดหรือคงที่ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่คุณยังกินอยู่

แผนการกินแบบดัชนีน้ำตาลต่ำเป็นการกินอาหารที่มีประโยชน์ และทำตามได้ง่าย เพราะมีบอกไว้ชัดเจนว่าคุณควรจะกินหรือไม่กินอะไรบ้าง เพียงเสิร์ช คำว่า "Low GI Deit" คุณก็จะพบกับรายชื่ออาหารและเมนูที่ทำได้ง่ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักด้วยแผนไดเอ็ตนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และอาจทำให้ใครหลายคนสับสน เพราะมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อระดับ GI ของอาหาร เช่น กล้วยยิ่งสุกก็จะยิ่งมีระดับ GI สูง หรือการกินคู่กับอาหารประเภทอื่นก็จะส่งผลให้ระดับ GI ต่างออกไปเช่นกัน
นอกจากนี้ ระดับ GI ของอาหารแต่ละชนิดยังอาจจะไม่สำคัญเท่ากับระดับ GI รวมของอาหารมื้อนั้น นักวิจัยยังพบว่าคนเรามีการตอบสนองต่อน้ำตาลในอาหารแตกต่างกันไปอีกด้วย (และในคนเดียวกันก็จะต่างออกไปตามวันและเวลา) จึงทำให้เป็นการไดเอ็ตที่ทำตามได้ยากลำบาก


Healthy or Slimming : Healthy and Slimming

Zone Diet ถูกคิดคันโดย ดร.แบร์รี่ เซียร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวเทคโนโลยีจาก MIT โดยเขาเชื่อว่าอาหารสามารถส่งผลกระทบต่อการตอบสนองของฮอร์โมนภายในร่างกายและสามารถเปลี่ยนการผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้

การเลือกกินอาหารที่มีสมดุลของคาร์โบไฮเดรต 40% โปรตีน 30% และไขมัน 30% จะทำให้ร่างกายมีกระบวนการเผาผลาญที่ดีที่สุด ดังนั้น แทนที่จะเป็นการลดแคลอรี จึงจะต้องควบคุมสัดส่วนของอาหารมากกว่า (อย่างไรก็ตาม หากต้องการลดน้ำหนัก แผนนี้ก็แนะนำให้ผู้หญิงลดเหลือ 1,200 แคลอรี/วัน ในขณะที่ผู้ชายให้อยู่ที่ 1,600 แคลอรี/วัน)
ในแผนไดเอ็ตนี้จะต้องมีการกินโปรตีนไร้มันครั้งละน้อย ๆ แบ่งเป็น 5 มื้อ/วัน แนะนำให้กินคาร์โบโฮเดรตที่มีคุณภาพ อย่างเช่น คาร์โบไฮเดรตจากผัก ถั่ว ผลไม้ หรือโฮลเกรน ส่วนไขมันนั้นควรจะมาจากน้ำมันมะกอก ถั่ว และอะโวคาโด
นอกจากการกินแล้ว ยังต้องรวมการออกกำลัง 30 นาที/วัน 6 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นอย่างต่ำ

เช่นเดียวกับการไดเอ็ตอื่น ๆ เดอะโซนไดเอ็ตนั้น ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก แต่เป็น "ไลฟ์สไตล์" ที่คุณผอมได้โดยไม่ต้องไดเอ็ต และยังอ้างว่าจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นเบาหวาน โรคหัวใจความดันโลหิตสูง และชะลอการแก่ชราด้วยการกินกรดไขมันโอเมก้า -3 เป็นประจำ จึงช่วยลดอาการอักเสบภายในร่างกายและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้

นักโภชนาการวิจารณ์เดอะโซนไดเอ็ตไว้หลากหลาย แม้ว่าหลักการกินโปรตีนไขมันต่ำ ไขมันที่ดี ผัก ผลไม้ และธัญพืช จะเป็นหลักที่ปฏิเสธไม่ได้ก็ตาม แต่ก็มีการตั้งคำถามว่า สัดส่วน 40-30-30 นั้นเป็นที่กังขาว่าจะได้ผลจริงหรือไม่ โดยเฉพาะทางสมาคมโรคหัวใจอเมริกันก็ยังชี้ว่า การกินโปรตีนสูงไม่ใช่ทางที่ดีในการลดน้ำหนัก และยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับว่าจะลดน้ำหนักในระยะยาวได้จริง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น